Vang vieng

Day 1
เราขอเริ่มการเดินทางจากอุดรมาถึงหนองคายประมาณ 8.20 พอมาซื้อตั๋วไปวังเวียง เต็มทุกรอบ คุณพระ!!! คนแห่ไปวังเวียงเยอะขนาดดด เราเลยเปลี่ยนแผน นั่งไปลงเวียงจันทร์ก่อนแล้วค่อยหารถต่อไปวังเวียง

IMG_7789

IMG_7791

ถ้าใครมาก็มาซื้อตั๋วตรงนี้ นั่งยาวไปวังเวียงได้เลย (ถ้ารถไม่เต็มนะ) รถไปเวียงจันทร์มา 9.30 จ้า รออีกพัก พอรถมาก็ขึ้นไปนั่ง ตอนแรกก็นึกว่านั่งตรงไหนก็ได้ แต่เอาเข้าจริงเขาระบุที่นั่งมาให้แล้วจ้า โดนไล่ที่ไปอี๊กกก

IMG_7799

ค่าตั๋ว 55 บาท ก็โอเคนะ รถก็ตามสภาพ เสียงนี่กลัวจะไม่พ้นบขส.ซ้ำ แต่แอร์นี่เย็นฉ่ำเหมือนตู้แช่อาหารทะเลเลยยย

IMG_7802

แล้วเจอกันนะ เวียงจันทร์ ^^

โอ๊ะโอ มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยละ นี่ต้องลงมาต่อแถวยาวเหยียดดดด
มาถึงก็รับบัตรขาเข้า-ขาออกมาเขียนรายละเอียดให้ตรงตามพาสปอร์ต

IMG_7803

เสร็จแล้วก็เข้าไปสำนักงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจและประทับตรา

IMG_7806

เจ้าหน้าที่จะคืนบัตรขาออกมาให้ เก็บบัตรขาออกนี้ให้ดี พยายามอย่าให้หาย ><
เสร็จด่านไทยเดี๋ยวก็ไปเจอด่านลาวอีก

พอถึงด่านลาวก็ต้องไปซื้อตั๋วผ่านด่าน 45 บาท จะได้บัตรมาใบใช้เหมือนตอนขึ้นรถไฟฟ้า จากนั้นก็เข้ามาแลกเงิน เราแลกมา คนละ 2,000 บาท พอเป็นเงินลาว กลายเป็น 502,000 บาท โอ้โหห ได้จับเงินเกือบครึ่งล้านเลยนะเนี่ยย

IMG_7814

ตู้ตรงนี้เป็นที่ซื้อบัตรผ่านนะ จุดแลกเงินต้องเดินเข้าไปข้างใน แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ><

จากด่านตรวจก็นั่งรถคันเดิมมาลงที่บขส.เวียงจันทร์ จากนั้นขึ้นรถบัสที่สภาพไม่ไหวแล้ววว แต่แอร์เย็นเหมือนเดิมมาลงบขส.อีกที่เพื่อต่อรถไปวังเวียง จริงๆมีรถยาวๆๆไปถึงวังเวียนเลยนะ รถตู้อ่ะ แต่ราคา 340-360 บาท ซึ่งเราโชคดีมีพี่ท่านนึงจะไปวังเวียงเหมือนกัน เขาเลยพาไปหารถนั่งต่อ

IMG_8206

รถบัสที่เราขึ้นที่บขส.วังเวียงคือรถบัสที่ขึ้นไปทางสายเหนือ ถ้าไปถึงก็พยายามหารถที่ไปสายเหนือคันนี้นะ 20 บาทเองงง รถบัสคันนี้จะพาเรามาจอดที่บขส. เราจำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าเป็นบขส.ที่แรกที่รถคันนี้จอดจากนั้นเราต้องลงเพื่อไปต่อรถตู้เพื่อไปวังเวียง ค่ารถตู้ 200 บาท รวมแล้วจากเวียงจันทร์ไปถึงวังเวียง เราใช้เงิน 220 บาท

เอาล่ะ ได้ขึ้นรถตู้ไปวังเวียงละ นั่งยาวๆ 3 ชั่วโมงจ้า

IMG_7818

อัดได้อีก รถตู้ที่นี่ยังไม่ถูกจัดระเบียบนะ ยัดได้ยัด เสริมได้เสริม #ลุงประยุทธ์ช่วยไม่ได้
รถตู้มาปล่อยลงไว้ตรงทางเข้าตัวเมืองวังเวียงไม่ยอมไปส่งถึงโรงแรม เราเลยต้องโดนตุ๊กๆหลอกอีก 40 บาท จริงๆวังเวียงอ่ะเล็กมาก เดินทั่วได้ แต่เรากระเป๋าไม่เล็ก เลยยอมโดนหลอก TT
เอาล่ะ มาถึงโรงแรมละ โรงแรมที่เราพักชื่อ โรงแรมถาวรสุข ที่พักนี่ 4 ดาวนะจ๊ะ จองผ่านอโกด้า 2 คืน เฉลี่ยแล้ว คนละ 1000 พี่ที่มารู้จักกันที่นี่อ่ะที่พักถูก ไว้เจอลิงค์ที่แกรีวิวจะเอามาบอก แต่เอาเหอะ1พัน สถานที่ วิวก็คุ้มราคานะแก มีฟรีอาหารเช้าด้วย

IMG_7825

IMG_7828

IMG_7827

IMG_7821

IMG_7826

แต่ที่นี่คือไวฟายกากมากกก ต้องไปอาศัยเล่นที่ร้านอาหารที่อื่น จะพักที่นี่ ต้องไม่ติดโซเชี่ยล อ่อ ที่ลาวไม่มีปลั๊กแบบ3รู (ปลั๊กสามตา) ต้องพกอันเล็กๆมาเอง เราพลาดมาแล้ว หอบคอมมาแล้วแบตหมด

เช็คอิน เก็บของเสร็จก็ไปหาอะไรกิน ตอนนี้ที่นี่ยังไม่เลิกสงกรานต์ โบกมือบอกว่าไม่เล่นก็ไม่ฟัง โว๊ะ!!! เออ เปียกก็เปียกวะ เพราะตั้งใจว่าจะลงเล่นน้ำหลังโรงแรมอยู่แล้ว

IMG_7832

IMG_7833

อาหารที่ลาวมื้อแรก เริ่ดมากค่ะ เหมือนอยู่บ้านเลยแกกก 555 แต่ที่นี่เขาตำเส้นเละมากกก ใส่กะปิด้วย >< แต่เราก็กินหมดค่ะ อ่อ ปลาตัวละ 5 หมื่นนะ มื้อนี้เกือบแสน

จากนั้นเราก็เดินเล่นภายในตัวเมืองวังเวียง พร้อมกับสอบถามโปรโมชั่น One day trip ด้วย สรุปมาได้ของน้ำทิพย์ทัวร์ ราคา 660 บาท

IMG_7835

IMG_7838
อ่อ ที่นี่มีบอลลูนให้ขึ้นด้วยนะ 80ดอลลาร์ จ้าาา ได้แต่บอกตัวเอง ไว้รอเก็บเงินไปขึ้นที่พุกามแทน ><

กินอิ่มก็ไปเล่นน้ำ เย่ๆ เขามีดนตรีในน้ำด้วย เพราะฉลองสงกรานต์กันไง สนุกดีนะ น้ำที่นี่ (แม่น้ำซอง) โคตรเย็นเลยย ที่น้ำใสเพราะใต้น้ำเป็นหินน้ำตกอ่ะ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ขุ่น น้ำก็ระดับไม่สูงมาก เด็กและคนว่ายน้ำไม่เป็นน่าเล่นมาก ><

IMG_8073

IMG_8069
พอเล่นน้ำเสร็จ เอ้า หิวอีกละ แต่มื้อนี้เบาๆเนอะ เลยเลือกนั่งร้านอาหารที่เป็นร้านนั่งชิล ร้านนี่Wifiแรง นักท่องเที่ยวชอบมานั่งกันเยอะ เราเลยจัดมื้อเล็กๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มมีดีกรีสักแก้ว แต่แก้วที่นี้คือมหึมา ><

IMG_7868

IMG_7869

IMG_7867

กินแค่พอรู้รส แล้วก็กลับไปอาบน้ำนอน กินเยอะไม่ได้ พรุ่งนี้ One day trip ><

จบไปแล้ว 1วัน ฝันดีนะ วังเวียง

Scagel หน้าสวย ไร้รอยสิว

           ผู้หญิงกับการแต่งหน้าย่อมเป็นสิ่งคู่กันใช่ไหมคะ แต่การแต่งหน้าก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เอ้าาา ที่แต่งก็เพราะอยากสวย แต่ถ้าสิวขึ้นก็ไม่สวยน่ะสิ เฮ้ออออ คิดแล้วมันหน้าหนักใจเนอะ เกิดเป็นสตรีที่หน้าสดก็ดูไม่ค่อยได้เพราะสิว สิว สิว   ถ้าลองเยี่ยมชมบล็อคฐามาแล้วจะรู้ว่าฐาเคยรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับแล้วหน้าสวยไร้สิวไปแล้ว (https://thakhanittha.wordpress.com/2014/11/10/สวย-สู้-สิว/) แต่ฐาเชื่อว่าพอเจ้าสิวหาย เราก็จะต้องเจอกับปัญหาใหญ่ต่อมานั่นก็คือ

“รอยแดงและจุดด่างดำที่เกิดจากสิว ”

แต่อย่าตกใจไปค่ะ ฐาพาไร้สิวแล้ว ฐาก็จะพาไปหน้าสวยไร้รอยดำเช่นกัน!!!!!

IMG_1434.JPG

ของชิ้นนั้นก็คือ

Scagel

เจลลดรอยแผลเป็น แผลนูนแดง แผลขอบแข็ง สามารถใช้รักษารอยที่เกิดจากสิว แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลผ่าตัด แผลหลุมลึกจากอุบัติเหตุ แผลหลุมลึกจากอีสุกอีใส เนื้อเจลประกอบด้วยตัวยาที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ไม่ระคายเคืองหรือแสบ ทาได้ตั้งแต่แผลเริ่มแห้ง ไม่แนะนำหากกรณีแผลสด

**ใช้กับผิวหน้าได้ไม่ทิ้งรอยดำ**

IMG_2170.JPG

วิธีใช้  ทาบริเวณรอยแผลเป็นเบาๆจนกระทั่งเจลซึมซาบเข้าสู่ผิว วันละ 3- 4 ครั้ง หรือบ่อยๆตามต้องการ ไม่แนะนำใช้ในแผลสด เริ่มทาได้ขณะแผลแห้งเริ่มตกสะเก็ดคะ และใช้ต่อเนื่องจนกระทั้งแผลหายสนิท

IMG_1773.JPG

สำหรับฐาทา Scagel เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 1เดือน ก็พบว่ารอยแดงที่เกิดจากสิวจางลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนรอยดำก็จางลงเช่นกัน เนื้อเจลเย็นมาก กลิ่นหอม ทาแล้วเย็นสบาย ไม่แสบร้อนเหมือนครีมบางตัว เวลาใครถามฐาก็จะแนะนำตัวนี้เสมอ

Scagel สามารถซื้อได้ตามร้านขายเวชสำอางค์และร้านขายยาทั่วไป จริงๆร้าน Boots หรือ Watson ก็มีขายนะคะ แต่ราคาอาจแพงกว่าหน่อย สำหรับราคาที่ฐาซื้อ หลอดเล็ก ราคา 70 บาท ขาด 4 g. และหลอดใหญ่ ราคา 250 บาท ขนาด 17 g. (ซื้อกับร้านขายยาทั่วไป)

IMG_1345.JPG

ฐาใช้ Scagel มานานมากกกกก หมดหลอดเล็กไปหลายหลอด จนตอนนี้ตัดใจซื้อหลอดใหญ่มาใช้ซะเลย ทุกวันนี้นอกจากสิวจะไม่ขึ้นแล้ว รอยแดงและจุดด่างดำก็ค่อยหายไป จนบางครั้งตื่นสายกลัวไปเรียนไม่ทัน ก็สามารถโชว์หน้าสดของตัวเองไปเรียนได้เลย ไม่ต้องคอยกังวลอีกต่อไป ^^

IMG_1690.JPG

รู้อย่างนี้แล้ว หากเพื่อนๆคนไหนอยากหน้าไร้รอยดำก็สามารถนำไปใช้ได้นะคะ ฐาไม่ได้ค่าโฆษณาเลยด้วย แต่มันดีจริงเลยอยากบอกต่อเฉยๆจ้าาา คราวหน้าฐาจะเอาสิ่งดีๆอะไรมาแนะนำ อย่าลืมมาติดตามในบล็อคของฐาได้เรื่อยๆนะค้าาาา

แตกประเด็น IT – ตาดูมือกด (เล่นมือถือในโรงหนัง) ผิดหรือไม่??

                เข้าไปในโรงภาพยนตร์แต่ละที ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คอินสักหน่อย ว่าตอนนี้กำลังดูหนังเรื่องอะไรอยู่ ก็แหมมม หนังมันยังไม่ฉายนี่เนอะ จะให้นั่งจ้องใจจดจ่อรอดูน้องแม๊กมาสอนเรื่องรู้จักพอก็ใช่ที เรามันคนยุคITทุกวินาทีต้องคอยอัปเดตเรื่องต่างๆ ><

ถ้าเล่นมือถือก่อนหนังฉาย (จริงๆมันไม่ควรตั้งแต่เล่นในโรงหนังละ) ก็คงไม่ผิดมากมายมหากาพย์ขนาดนั้นหรอก
เพราะอย่างน้อยคนที่อยู่ในโรงเขาก็ยังไม่ได้ตั้งใจดู แต่ประเด็นที่ฐาหยิบยกมาวันนี้มันดันเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเล่นมือถือในโรงหนัง
จ่ะ!!
แค่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก ทำอะไรผิดกฎทางสังคมนิดหน่อยก็โดน!!!!!
เรามาดูประเด็นที่น่าสนใจนี้กันเลยยยย

IMG_1861.JPG นั่นไงงง หนังมันน่าเบื่อ ดาราหนุ่มเลยหยิบมือถือขึ้นมาอัปทวิตสักหน่อย ถ้าใครติดตามจะรู้ว่าดาราคนนี้เล่นทวิตบ่อย จริงๆฐาก็ชอบอ่านทวิตของเขานะ ชอบผลงานเขาด้วย แต่จะไม่มีการอวยและเข้าข้างจนออกนอกหน้าเด็ดขาดดด ประเด็นคือ สังคมออนไลน์ถึงขั้นแตกแยกเป็น 2 ส่วนจ้าาา ส่วนหนึ่งด่าเอาเป็นเอาตายไร้มารยาท ไร้จิตสำนึก นิสัยไม่ดี สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย รบกวนคนรอบข้าง

IMG_1870.JPG

IMG_1871.JPG

ใช่ว่าจะมีแต่ด่านะจ๊ะ เข้าข้าง สนับสนุน เห็นด้วยก็มีนะเออออออ ฉันก็เป็นแก ก็แหมแปปเดียวแสงมันคงไม่แยงตาจนแกดูหนังไม่รู้เรื่องหรอกมั้ง เพราะเค้าเป็นดารางัยเลยโดนด่า โลกสวยอยากดูหนังก็ไปปิดไฟดูที่บ้านเส้!!!

IMG_1860.JPG

IMG_1863.JPG

เป็นอย่างไรคะ ร้อนฉ่าเลยใช่ป่ะล่าาา ฐาว่าประเด็นนี้เราลองคิดแยกประเด็นนะ ระหว่างความควรไม่ควรในการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์ กับ ดาราซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของใครหลายๆคนเล่นโทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์

                ประเด็นแรก เรื่องความควรไม่ควร เราตอบได้อย่างมั่นใจว่า “ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง” เพราะ การรับชมภาพยนตร์ที่จะทำให้ได้รับอรรถรสที่เต็มเปี่ยมคือการให้ความสนใจกับเรื่องราวที่อยู่บนจอผ้าใบตรงหน้า บางครั้งคุณอาจจะเบื่อซะเหลือเกิน แต่คุณต้องนึกว่าคนอีกหลายคนที่นั่งร่วมกับคุณเขาเบื่อด้วยไหม (ถ้าเบื่อนักก็ลุกออกไปยืดเส้นยืดสายรอข้างนอกก็ได้เนอะ) หากคุณนำมือถือขึ้นมาเล่น แสงไฟจากหน้าจออาจรบกวนสมาธิของเขาได้ โดยส่วนตัวฐาไม่เคยเล่นมือถือเวลาดูหนังเลย หากหนังน่าเบื่อก็แอบพักสายตาไป >< แต่เคยเจอนะพวกที่เล่นมือถือเวลาดูหนัง ยอมรับค่ะ ว่ามันรบกวนสมาธิจริงๆ!!! แต่ถ้าถามว่าจะเอามาต่อว่าหรือตักเตือนให้อับอายไหม ก็คงไม่ เพราะสมัยนี้เหมือนสังคมไทยเคยชินกันไปแล้ว แต่มันดันเกิดเรื่องนำมาสู่ประเด็นที่สอง ถ้าคนที่เล่นมือถือในโรงหนังเป็นบุคคลชื่อเสียง สังคมก็จะเหมือนมีเหยื่อที่ระบุตัวตนชัดเจนให้รุม ใช้คำว่ารุมไม่ผิดหรอกค่ะ บางคนที่ไม่ได้เดือดร้อนเพราะการกระทำของดาราคนนี้เลย เพียงแต่ฉันเคยเจอคนทำแบบนี้ ฉันก็ด่า ต่อว่าประดุจว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์และได้รับผลกระทบมากมาย บางคนก็เอาสนุก ร่วมด้วยช่วยกันแกล้มฉันกระทืบซ้ำประมาณนี้ กล่าวโดยสรุปคือ การใช้โทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก แต่โดยส่วนตัวฐาถ้าถามว่าเป็นเรื่องผิดเลยไหม ฐายังไม่อยากตัดสินว่าผิด บางทีการใช้ครั้งนั้นอาจจะเป็นเรื่องจำเป็นก็ได้ ใช้คำว่า ไม่เหมาะสม หรือ ไม่สมควรจะดีกว่า ส่วนในกรณีของดาราคนนี้ฐาว่าไม่เหมาะสมมากๆ เพราะพฤติกรรมการใช้ก็ไม่ได้แสดงออกเลยว่าจำเป็น แต่ก็ไม่ว่าละกันเพราะเขาโดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ^^ แล้วเพื่อนๆล่ะคะ คิดว่ายังไง ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้น้าาาา

แนะนำ IT – slow fast slow ตัดต่อวิดีโอ

คลิปวิดีโอสวยๆนั้นมีมากมายทีเราอยากจะอัปโหลดโชว์ แต่บางครั้งบางคลิปก็ไม่ได้ดั่งใจอยากจะเร่งให้ตรงนันเร็วขึ้น ตรงนี้ช้าลงก็ทำไม่ได้ นอกจากจะค่อยๆถ่ายเอง

แต่วันนี้จ้าาา

ฐามีแอปพลิเคชันดีๆมานำเสนอสำหรับนักแต่งรูปมือใหม่
สอนแต่งภาพนิ่งมาเยอะละ
มาแต่งภาพเคลื่อนไหวกันมั่งกว่า
ว่าแต่แอปที่ฐาเอามานั้นจะเป็นแอปอะไร

ไปชมกันเลยยย

Slow Fast Slow

IMG_1146.PNG

เมื่อเราเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นจาก app store

แล้วก็มาลองเล่นไปพร้อมๆกันเลยนะคะ

IMG_1074.PNG

IMG_1078.PNG

เมื่อเปิดแอปมาจะพบกับหน้าต้อนรับ สไลด์ผ่านไปเรื่อยๆจนพบกับหน้านำเข้าคลิปวิดีโอเพื่อนำมาตัดแต่ง

จากก็ทำการนำเข้าคลิปวิดีโอโดยกดตรงบันทัดล่างสุดบนเครื่องหมาย ➕จากในอุปกรณ์(โทรศัพท์มือถือ)ของเรา

IMG_1079.PNG

IMG_1080.PNG

เมื่อเลือกคลิปวิดีโอได้แล้วก็เข้าสู่หน้าตัดแต่ง

IMG_1081.PNG

หน้าตกแต่งก็ไม่มีอะไร

แต่!!!!

ผู้อ่านเห็นเส้นกราฟไหมคะ!!

นั่นคือระดับความเร็ว-ช้าของคลิป

หากผู้อ่านต้องการเร่งช่วงเวลาไหนของคลิปให้เร็วขึ้น ก็ดันกราฟขึ้น

หากจะลดความเร็วของคลิปก็ดันกราฟลงให้ต่ำกว่าเส้นระดับ

IMG_1082.PNG

IMG_1084.PNG

แต่ถ้าปรับแต่งได้แค่ลดหรือเพิ่มความเร็วก็ดู ธรรมดาเกินไป

ฐาไม่แนะนำอยู่แล้ววว

นี่เลยยยย

ปุ่มให้คลิปเหมือนเล่นย้อนกลับ

เราจะให้บ่อยในวิดีโอต่างๆที่เรื่องราวเป็นการแสดงแบบถอยหลัง

IMG_1148.JPG

IMG_1083.PNG

เพียงเท่านี้คลิปที่ออกมาก็มีลักษณะเป็นแบบถอยหลัง หรือย้อนกลับนั่นเอง

IMG_1149.JPG

VVVVVV

VVVVV

VVVV

VVV

VV
V

ส่วนปุ่มนี้

เป็นปุ่มควบคุมเสียง

เพราะบางคลิปเราก็มีเสียงต่างๆติดมา เราสามารถแตะที่ปุ่มโดยเลือกให้ตัดเสียงไปเลย ปล่อยให้เป็นเสียงปกติหรือเสียงก้องกังวาล
แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ หากคุณปรับความเร็วคลิปไว้ระดับใด ระดับความเร็วเสียงก็เป็นระดับเดียวกัน
แนะนำวิธีการแต่งมาครบ
ห้ามลืมวิธีการจัดเก็บ
เมื่อเรากดปุ่มบันทึกคลิป
แอปพลิเคชั่นนี้ก็มีการจัดเก็บขนาดของคลิปให้เลือกด้วย ว่าจะเป็นเต็มหน้าจอ หรือแค่ครึ่งเดียว

IMG_1150-0.JPG

ถ้าอยากให้ภาพแคบๆหน่อยก็เลือก square

IMG_1085-0.PNG

หรือหากได้ขนาดเต็มหน้าจอก็เลือกแบบ portarit

IMG_1086.PNG

เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็ได้คลิปวิดีโอใหม่ดังใจแล้ววว ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ

แตกประเด็น IT – คลิปขำๆก็ดังได้

การแสดงออกโดยการอัดคลิปวิดีโอแล้วเผยแพร่ผ่าน Social Media

เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถทำให้

“บุคคลธรรมดาๆ กลายเป็นที่รู้จักได้ภายในชั่วข้ามคืน”

เป็นเรื่องเป็นราวกันทีเดียว หลังจากมีคลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า “ฝากถึงคนลัก เหนี่ยวไก่ เจ็บใจหนัด!” เมื่อเด็กหญิงวัยรุ่นอัดคลิประบายความในใจเป็นภาษาใต้ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกขโมยข้าวเหนียวไก่ทอดที่ซื้อจากตลาด แล้ววางเอาไว้ตะกร้าหน้ารถก่อนจะเดินเข้าไปซื้อของในร้านเซเว่นฯ แต่เมื่อเดินกลับออกมาก็พบว่าข้าวเหนียวไก่ถูกโจรขโมยไปแล้ว ซึ่งน้องบอกว่าตนไม่คิดว่าจะดัง คิดว่าไม่มีใครชอบคลิป เพราะตนพูดไม่สุภาพและยังน้ำตาไหลเพราะน้อยใจหลังจากมีคนโทรศัพท์เข้ามาต่อว่า ว่าอยากดัง

น้องในคลิปหรือน้องไลล่าไม่ใช่คนแรกที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังชั่วข้ามคืนเพราะ ” อัดคลิป “

หากคุณยังจำได้

 “น้องเจน” นักศึกษาสาวสวย ที่พากย์เสียงเป๊ะเวอร์ จน สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ยังต้องประกาศตามหาตัว

โดยนักศึกษาสาวในคลิปได้ทำเสียงแบบในละครเกาหลีเพื่อแนะนำตัวเอง จากนั้น น้องเจน ก็โชว์พากย์เสียงแบบผู้ชายในหนังฝรั่ง รวมถึงตัวการ์ตูนดัง โดราเอม่อน ชิซูกะ โนบิตะ ฯ ซึ่งสร้างความตลกขบขันให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก

ผลจากความดังและหน้าตาน่ารักและความสามารถของเจ้าตัว ก็ทำให้มีผลงานโฆษณาเข้ามาไม่น้อยทีเดียว

แต่บ่อยครั้งที่การแสดงออกเหล่านี้ก็กลายเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม เช่น การโชว์เซ็กซี่ คลิปหลุดแบบต่างๆ หรือ คลิปที่แสดงพฤติกรรมความรุนแรง

บุคคลในคลิปดังกล่าวก็เป็นคนดังเช่นกัน แต่กลายเป็นความดังในด้านลบ 

การอัดคลิปวิดีโอต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งบนโลก Social Media ที่ทุกคนสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ เสรี และ หากจะบอกว่า การอัดคลิปวิดีโอเหล่านี้เป็นช่องทางที่จะสามารถทำให้คุณกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืนได้ก็คงไม่ผิด แต่ก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสมด้วย   เพราะหากคลิปที่คุณเผยแพร่ไปนั้นไม่ได้สร้างสรรค์ คุณก็เป็นคนดังได้ แต่จะกลายเป็นดังในด้านลบ และความดังนั้นจะติดตัวคุณไปอีกนาน

The Silver Lining Playbook – หนังดีที่ควรดู

The Silver Lining Playbook

เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของ แมธธิว ควิก
ได้ตีพิมพ์ในปี 2008แล้วมันก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนนำมาถูกสร้างเป็นภาพยนตร์
ด้วยการเล่าเรื่องของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ( Patients with bipolar disorder )ได้ออกมาอย่างน่ารักและเข้าอกเข้าใจในมุมมองที่สื่อว่า

“ผู้ป่วยไม่เป็นปัญหาของสังคม”

เรียกได้ว่า  หนังเอาคนไม่ปกติ(แต่ไม่ถึงกับรุนแรง)มาเดินเรื่อง
เพราะ  อาจมีแนวร่วมเช่นนี้เยอะ ในสังคมที่เป็นจริงในยุคสมัย ก็ได้

หลายตอนดูแล้ว  ขัดหูขัดตา   ดังนั้น  ผู้ชมจึงควรมีพื้นฐานความเข้าใจต่อผู้ป่วยประเภทนี้
จึงจักสามารถสังเกตติดตาม  พฤติกรรมว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป  เขาแก้ปัญหาอย่างไร

จะพบได้ว่า   นางเอกค่อนข้างรุกและมีเหตุผลมากกว่าพระเอก
และจะเห็นว่า  ในสังคมตะวันตกนั้น   การตัดสินใจใดๆมักใช้เหตุผลมาคัดง้างกัน
แล้วได้ข้อสรุปจากเหตุผลที่ดีกว่าเป็นข้อยุติ  แล้วเดินหน้าต่อ..โดยไม่ได้คิดว่าเสียหน้าแต่อย่างใด

เรื่องราวของ แพท โซลาทาโน (แบรดลีย์ คูเปอร์) สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบ้าน, งาน และภรรยา
ภายหลังใช้เวลาแปดเดือนในโรงพยาบาลจิตเวช เขาต้องกลับมาอาศัยอยู่กับแม่ (แจ็คกี้ วีฟเวอร์) และพ่อ (โรเบิร์ต เดอนิโร)
โดยหวังจะเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการไปขอคืนดีกับภรรยา ทว่าพ่อกับแม่อยากให้เขาปลดเปลื้องภาระทางใจทิ้งให้หมด
และใช้เวลากับทีมอเมริกันฟุตบอลสุดโปรดของครอบครัว

แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มยุ่ง เมื่อแพทได้พบ ทิฟฟานี (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์)
หญิงสาวลึกลับมากปัญหา ผู้อาสามาเป็นแม่สื่อให้เขาได้ปรับความเข้าใจกับภรรยา
โดยแลกกับการที่แพทต้องช่วยเหลือเธอบางอย่างเช่นกัน
ทันทีที่ข้อตกลงสัมฤทธิ์ผล สายสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ก็เริ่มต้น
ทำให้ชีวิตของพวกเขาแปรผันไปนับแต่บัดนั้น

ในหนังจะพบว่า   พระเอกตรึงแน่นกับปมรักในอุดมคติ
ในขณะที่นางเอกนั้น ค่อนข้างฉลาด  และเชื่ออย่างกระหายต่อการเข้าถึง แรงใจใคร่รักที่พระเอกมีต่อเธอครั้งแรกนั้นให้ได้
ซึ่งก็คือ  การทำงานของอาการป่วยของเธอนั่นแหละ  แล้วพัฒนาแปรเปลี่ยนไปเป็นกิจกรรมสร้างสรร คือ การฝึกการเต้นรำคู่เพื่อแข่งขัน
ในขณะที่ฝ่ายชาย  ก็มีเงื่อนไขให้หญิงช่วยเพื่อเป็นสื่อกลางถึงภรรยาตน  เรียกได้ว่า  ทั้งสองร่วมกิจกรรมบำบัดตนเองไปพร้อมกันอย่างมีแผนขั้น
ตอน   สุดท้ายมีการหักมุมด้วยการฉุกคิดได้ของพระเอกว่า  ที่แท้ตัวเองต้องการอะไร  ไม่ใช่ฝืนฝันที่พลาดผิดไปแล้ว  แต่คือปัจจุบันของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าที่เปิดใจให้  มิใช่หรือ?….

จะเห็นว่าในสังคมตะวันตกนั้น   การตัดสินใจใดๆมักใช้เหตุผลมาคัดค้านกัน
แล้วได้ข้อสรุปจากเหตุผลที่ดีกว่าเป็นข้อยุติ  แล้วเดินหน้าต่อ..โดยไม่ได้คิดว่าเสียหน้าแต่อย่างใด

ดังเช่น ความรักของทั้งแพทและทิฟฟานี่

 
               “ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วอิ่มใจ ประทับใจมากไม่รู้จะวิจารณ์อะไร เพราะไม่ใช่คนที่จะ เก่งเรื่องวิจารณ์หนังหรือรู้เรื่องราวอะไรมาก แต่เอาเป็นว่าแค่ดูหนังเรื่องหนึ่ง แล้วมันประทับใจ ทำให้ได้ใช้ความคิด หรือได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างจากในหนัง ถือว่าโอเคแล้วค่ะ องค์ประกอบทุกอย่างลงตัวสมควรแล้วสำหรับรางวัลออสการ์ที่ได้
                นอกจากความประทับใจในเรื่องการแสดงแล้ว ข้อคิดและสิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้นับว่าคุ้มค่ากับการเสียเวลาและเสียเงินเพื่อหามาดูอย่างยิ่ง เพราะจะมีหนังเรื่องไหนที่จะเข้าใจและพยายามแสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต เป็นคนสองบุคลิกที่ใครๆก็หวาดกลัว สามารถใช้ชีวิตและร่วมดำเนินชีวิตไปกับคนธรรมดาอย่างพวกเราได้  หนังเรื่องนี้สามารถสร้างกระแสนิยมและแนวคิดในการยอมรับผู้ป่วยให้อยู่ร่วมกับสังคมได้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อดูหนังเรื่องนี้จนจบความรู้สึกอิ่มใจ ประทับใจจะท่วมท้นขึ้นมาทันที ” ในมุมมองของ ฐา นะจ๊ะ 
 

หนังเรื่องนี้มีชื่อเข้าชิงออสการ์ในรางวัลใหญ่สุดทั้ง 8 สาขา อันได้แก่

ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,ผู้กำกับยอดเยี่ยม,

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม,นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม,นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม,

นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม,ตัดต่อยอดเยี่ยม และ บทภาพยนต์ยอดเยี่ยม

Bradley Cooper เล่นได้ดีมากๆ

ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น แต่มีอารมณ์หรือการแสดงออกแบบโมโหร้ายได้

แม้จะขัดกับสายตาหวานๆแต่ก็ดูลงตัว จัดได้ว่าเป็นตัวละครหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง

Jennifer Lawrence แทบจะหาที่ติไม่ได้

ไม่งั้นคงไม่ทำให้เธอได้รางวัล Best Actress มาครอง

บทคนบ้าเธอก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งมึน ทั้งบ้าแบบไม่ห่วงสวย

บทจะเศร้าก็ส่งสายตาละห้อยจนคนดูนี่น้ำตาคลอเบ้าไปตามๆกัน

ยิ่งมาเข้าขากับแบรดลี่ด้วย ชวนจิ้น ฟินกระจาย เคมีเข้ากันสุด

หากมีเวลาว่างๆอยากหาหนังดีๆสักเรื่องมาดูเพื่อผ่อนคลาย

ฐาแนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ หนังรักแทรกความตลก

ดูแล้วไม่อิน ไม่ฟิน ไม่ประทับใจ

ยินดีให้หลังไมค์ต่อว่าได้เลย

แตกประเด็น IT – Likeนั้น…สำคัญไฉน

IMG_0469.JPG

บนหน้า Facebook เวลาเราเลื่อน New feed ก็มักจะพบกับข้อความเหล่านี้

ขอไลค์…หน่อยค่าาา
ฝากไลค์หน่อยน้าา
แต๊งไลค์นะคะ

บางครั้งยังลามไปถึงในช่องแชทส่วนตัวอีกด้วย!!!!

IMG_0471.JPG

เอาล่ะ เราลองมาวิเคราะกันดูดีกว่าว่า ไลค์นั้น…สำคัญไฉน แล้วทำไมคนเราถึงต้องการยอดไลค์กันขนาดนี้???

เรียนรู้เกี่ยวกับ Like

IMG_0476.PNG

เมื่อเรากดไลค์แล้วสิ่งที่เรากดก็จะถูกแชร์ออกไป ทำให้เพื่อนในเฟสบุคของเราเห็นด้วย

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนต้องการยอดไลค์เยอะๆ จากที่ได้วิเคราะห์สามารถรวบรวมเป็นประเด็นใหญ่ได้ดังนี้…

– เพื่อการตลาด

“Like” ใน Facebook เหมือนกับสิ่งแสดงการวัดผลของ “Word of mouth” ใน “ทางที่ดี” ออกมาให้เห็น ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดที่ได้ชื่อว่า “เกือบจะทรงพลังที่สุด” ที่แสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการที่บอกต่อกันปากต่อปากนั้น “ดีหรือไม่ดีแค่ไหน” โดยผ่านการวัดผลจากการทดลองใช้งานจริงของ “ตัวกลาง” แต่ละชั้นแต่ละคนต่อๆกันมา
*** ซึ่งสรุปได้ว่า ยิ่งมีปริมาณ “Like” มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการการันตีให้เห็นว่า สินค้าหรือบริการนั้น “ดีมากเท่านั้น”

IMG_0487.GIF

IMG_0488.GIF

หรือการสร้างกระแสให้สินค้าผ่านกิจกรรมร่วมสนุก เช่น กดไลค์เพื่อลุ้นรับของรางวัล

IMG_0479.JPG

IMG_0477.JPG

โอ้โหห!!!!! ล้ำมากกก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดช่องทางอาชีพใหม่คือ “เพิ่มยอดไลค์” เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

IMG_0478.PNG

IMG_0472.JPG

*** ถึงแม้จะเป็น “Like เทียม” ก็ตาม แต่ผู้บริโภคไม่ได้รับรู้ถึงที่มาของ “Like” เหล่านั้น พอได้รับรู้ถึง “ความน่าเชื่อถือ” หรือ “สิ่งที่กำลังเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก” ก็เลยอยากทดลองดูมั่ง….จึงทำให้การกดไลค์นอกจากจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด กลับกลายเป็นช่องทางในการทำมาหากินของคนยุคใหม่ได้อีกด้วย ><
-การช่วยเหลือสังคม
ปัจจุบันมีกระแส กดไลค์เพื่อเป็นการร่วมทำบุญ ซึ่งจริงๆประเด็นนี้ก็ถูกรวมอยู่ในการตลาดเหมือนกัน แต่เป็นการตลาดแนวสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ผู้คนสนใจมากดไลค์กันถล่มทลาย ดังนั้นเพจ หรือตัวองค์กรที่จัดแคมเปญนี้ขึ้นมาก็ได้รับความสนใจไปด้วย

IMG_0470.JPG

***เราจึงเห็นโครงการแนวนี้ออกมากมาย จนบางคนก็สงสัยกดไปแล้วทางองค์กรนั้นๆจะเอาเงินไปทำบุญจริงป่าวน้าาา…

แต่ก็นะ ทำแล้วสบายใจก็ทำต่อไป 5555

– กดไลค์เพื่อสร้างความนิยม
อันนี้เป็นประเด็นสุดๆ เด็กสาววัยรุ่นหลายคนมักมีความเชื่อแบบผิดๆ เช่น ไลค์เยอะๆแปลว่าฉันเป็นที่สนใจ ฉันได้รับความนิยม ฉันได้รับการยอมรับจากคนในสังคม

IMG_0491.PNG

IMG_0493.PNG

คนที่หน้าตาดี หรือมีความสามารถมากๆเมื่อมีผู้ให้ความสนใจมากก็มักจะได้ไลค์เยอะ -0-

และเพราะยอดไลค์มักจะแสดงให้เห็นความนิยในตัวบุคคล องกรค์หรือกระแสต่างๆบนเฟสบุค นำมาสู่ปัญหาการแสดงออกเพื่อแลกยอดไลค์อย่างผิดวิธี เปิดหน้านิวฟีดแต่ละทีอกรุ่นพี่ที่เกิดยุค90แทบหัวใจวายตาย เปิดหน้าผ่าหลัง ได้แต่ถามตัวเองอะไรกันนี่!! สมัยเราปากจู๋ ชูสองนิ้ว แล้วนี่มันคืออะไรรรรรร

IMG_0465.JPG

IMG_0466.JPG

ทั้ง3ประเด็นที่ฐาได้วิเคราะห์มานี้ ก็อาจแสดงคร่าวๆได้แล้วว่า ไลค์นั้น…สำคัญไฉน

หากจะบอกว่าการกดไลค์เป็นสิ่งที่ผิดก็คงไม่ใช่ เพราะจริงๆการกดไลค์ก็มีประโยชน์มากมาย

อยู่ที่ตัวผู้เล่นโซเชียลมีเดียต่างหากจะใช้ไลค์ในมือท่านได้คุ้มค่าหรือไม่!!

บ๊ายบายยยยย…ฝากไลค์ LIKE และติดตาม Blog ของฐาด้วยน้าาาาาา

แนะนำ IT – VSCO ง่ายๆได้ภาพโปร

ทำไมดาราคนนี้แต่งรูปสวยจัง ??
ทำไมพี่คนนั้นแต่งรูปอาร์ตจัง ??
ทำไมน้องคนนู้นแต่งรูปคลาสสิคจัง ??

IMG_0434-1.PNG IMG_0435.PNG

คำถามนี้ฐามักจะถามเพื่อนบ่อยๆ

แกใช้แอปไรแต่งรูป แกถ่ายรูปติสๆอาร์ตๆยังไง…

และแล้ววันหนึ่งฐาก็พบแอปพลิชั่นที่สามารถตอบโจทย์ฐาได้

นั่นก็คือ

แทนแท่นแล้นนน …

VSCO cam

IMG_0409.PNG

แอปพลิชั่นนี้จะช่วยให้คุณปรับแต่งภาพให้สวยงามราวกับเป็นมืออาชีพ

ขอกระซิบบอกเลยว่า เล่นง่ายมั่กมากกกก

ไปรู้จักวิธีแต่งภาพโดยใช้ VSCO cam กันเลยยย

 ***เริ่มจากการดาวน์โหลดแอปนี้มาใช้ ฐาดาวน์โหลดจาก App store ของระบบ ios

เมื่อเปิดเข้ามาที่หน้าแอปจะพบกับเมนูให้เลือก

ว่าจะถ่ายรูปใหม่แล้วแต่ง

จะเอารูปภาพในอัลบั้มมาแต่ง

หรือจะเลือกดูภาพของบุคคลต่างๆทั่วโลกที่ใช้แอปพลิเคชั่นนี้มาสร้างแรงบันดาลใจก็ได้

IMG_0415.PNG -หากกดปุ่ม Home จะเป็นการให้ลงชื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแอปพลิชั่น คือเราสามารถแชร์รูปต่างๆเพื่อให้ผู้อื่นสามารถดูและเข้าถึงได้ -หากกด Grid คือเราสามารถดูรูปภาพของคนอื่นที่แชร์มาได้ -หากกด Journal คือการให้เราเลือกหมวดรูปภาพที่เราสนใจ เช่น แรงบันดาลใจ สถานที่ท่องเที่ยวเป็นต้น

** แต่ฐาเน้นการแต่งรูปอย่างเดียว เลยเลือก Library ซึ่งเป็นการนำรูปในอัลบั้มของเรามาแต่ง หรือถ้าใครอยากถ่ายรูปใหม่ก็กดตรงรูปกล้องได้เลยยย
เอาล่ะ มาถึงวิธีการสำคัญคือการแต่งรูปกันแล้วววว

เมื่อเรากด Library เราก็จะพบกับภาพที่เราเคยแต่งๆไว้ หรือหากจะแต่งเพิ่ม กดที่เครื่องหมาย บวก ( ➕ ) เพื่อเพิ่มรูปภาพ จากนั้นเราก็ต้องเลือกภาพที่เราต้องการตกแต่งจากในเครื่อง

IMG_0416.PNG

เลือกภาพกันแล้วก็กดเครื่องหมายถูก ✔️

IMG_0417.PNG

จากนั้นภาพที่เราต้องก็จะเข้ามาอยู่ใน Library เพื่อให้เรานำไปตกแต่ง

IMG_0418.PNG

เมื่อเลือกภาพจาก Library แล้ว กดที่รูปเครื่องมือเพื่อตกแต่ง

IMG_0419.PNG

จะพบกับ

IMG_0420.PNG

จริงๆในแอปนี้ก็มีรูปแบบสำเร็จรูปให้แล้ว

IMG_0421.PNG

แต่!!! ฐาไม่ชอบบบบบ

เลยต้องลงมือปรับแต่งเองงง กลับมาแตะ ตรงบรรทัดล่างสุด เพื่อย้อนกลับไปหน้าปรับแต่ง แล้วเลือกรูปเครื่องมือ

IMG_0437.JPG IMG_0439.PNG

เราจะพบกับเครื่องมือมากมายให้ปรับแต่ง ทั้งเพิ่มแสง ลดสี สารพัดให้เราลองเล่น ^^

IMG_0423.PNG IMG_0424-0.PNG IMG_0425.PNG IMG_0426.PNG

เมื่อได้รูปที่สมใจแล้วก็เลือกบรรทัดล่างสุดเหมือนเดิม

เห็นเครื่องหมายถูกไหมคะ!!

กดตรงนั้นเพื่อบันทึกรูปที่แต่งได้เลยยย

IMG_0427-0.PNG

เย่ๆๆ รูปที่แต่งมาอยู่ใน Library แล้วว

แต่อันนี้มันเป็นอัลบั้มของในแอปพลิชั่น

ถ้าเราอยากย้ายไปอยู่ในคลังภาพของเรา ก็กดส่งออกภาพ

หรือใครอยากจะแชร์ลง Facebook Instragram ก็สามารถทำได้เลย

IMG_0440.JPG IMG_0428.PNG

เสร็จแล้ววว สำหรับการแต่งภาพด้วยใช้  “VSCO cam ” ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ^^

อันนี้ภาพเปรียบเทียบก่อน-หลัง

ก่อนแต่งภาพ

IMG_0433.JPG

หลังแต่งภาพ

IMG_0432.JPG

ได้ภาพแนววินเทจ อาร์ตสมดั่งใจ ต่อไปก็หมดคำถามคาใจสักที ^^

แนะนำ IT – สร้างภาพสวยด้วย Papelook

ภาพน่ารัก การ์ดอวยพร คุณค่าของสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ที่ราคาแต่มันอยู่ที่ “ความตั้งใจ”

         หลายครั้งที่เราชอบตกแต่งรูปภาพให้ดูสวยงาม น่ารัก สร้างจากฝีมือและทำให้เราได้ใส่ไอเดียต่างๆลงไปเพื่อให้ภาพๆหนึ่งดูมีความหมาย วันนี้ฐาเลยอยากนำเสนอแอปพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณสรรค์สร้างภาพที่น่ารัก สร้างสรรค์จากไอเดียของคุณเอง

>> Papelook <<

IMG_0146.JPG

วิธีการใช้แอปพลิชั่นนี้แสนง่าย

IMG_0111-0.JPG
เปิดเข้าไปหน้าแอปจะพบกับข้อความที่ให้เราเลือกสร้างภาพใหม่หรือต้องการจะเปิดภาพจากในอัลบั้ม

IMG_0103-1.PNG
เมื่อเรากดสร้างภาพใหม่ ภายในแอปก็จะมีแม่แบบหลากหลายให้เราเลือกใช้ เพียงแค่เปลี่ยนภาพจากต้นแบบมาเป็นรูปภาพสวยๆของเรา แต่!!! ถ้าแบบนั้นมันยังง่ายไปปป เรามาสร้างรูปขึ้นใหม่โดยใช้ไอเดียเราล้วนๆกันดีกว่า

ว่าแล้วก็จัดการเลือก “ไม่ใช้แม่แบบ”

เราก็จะพบกับหน้าจอว่างเปล่าเหมือนกันแผ่นกระดาษพร้อมให้เราเติมแต่งใส่ไอเดียลงไปได้อย่างเต็มที่ ><

IMG_0105-2.PNG – ขั้นต่อมาคือการนำเข้ารูปภาพ

IMG_0190.JPG

นำรูปภาพจากภายในเครื่องมาตกแต่งได้

IMG_0192.PNG

เลือกรูปภาพได้มากสุดถึง 5 ภาพ

IMG_0196.PNG

– รูปภาพที่เราเลือกไว้ก็ปรากฏขึ้น เพื่อให้เราได้ทำการตกแต่งให้สวยงาม สำหรับฐามีไอเดียจะแต่งภาพล้อเลียนภาพยนตร์จึงเลือกใช้วิธีการตัดภาพมาใส่ ดังนี้

IMG_0198.PNG

– นำภาพเพื่อนมาตัดเพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการ

IMG_0199-0.PNG

เสร็จแว้วววว แปะเลยยยย

IMG_0201-0.PNG

เย่ๆๆๆ ได้ภาพที่ต้องการแล้ววว สวย ฮา สร้างสรรค์ ฮิ้ววววว

IMG_0114.JPG

video >> วิธีการใช้เพิ่มเติมของ Papelook

ตัวอย่างผลงานที่ได้จากการใช้แอปพลิเคชั่น Papelook

IMG_0149.JPG

 การ์ดอวยพรวันแม่

IMG_0119.JPG

 ภาพมโนหลังจากดูซีรี่ส์เรื่องดัง

IMG_0117.JPG

 ควันหลงฟุตบอลโลก

ยาเม็ดสีแดง – หนังสือดีที่ควรอ่าน

 “อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว อย่าเสี่ยงเลย”

           คงเป็นคำที่คนส่วนใหญ่ใช้คิดเวลาจะเลือกทำสิ่งใดสักอย่าง ด้วยไม่กล้าบ้าง ไม่มั่นใจในสิ่งที่เราจะเลือกบ้าง เลยทำให้ชีวิตเราย่ำอยู่กับที่อย่างนี้ บางคนก็คิดว่าหากเราเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมามันจะถูกหรือผิด ถ้าผิดเราจะแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร แต่หากคุณได้ลองหยิบหนังสือ “ยาเม็ดสีแดง” ของ วินทร์ เลียววาริณ คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ

original_RedDrug_small

            หนังสือ ยาเม็ดสีแดง มีใจความหลักมาจากหนังเรื่อง The Matrix ที่ตัวละคร “นีโอ”ต้องเลือกกินยาเม็ดสีฟ้าหรือเม็ดสีแดง หากสีฟ้าทุกอย่างจะเหมือนเดิม แต่ถ้าเม็ดสีแดงจะพบกับทางเลือกใหม่ให้ประสบพบเจอไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินทางสายที่ไม่รู้จักไม่คุ้นเคย หลายคนจึงยอมลืมความฝัน และเดินตามทางเดิมไปเรื่อย ๆแต่เกิดมาชีวิตหนึ่ง ไม่ยอมลองยาเม็ดสีแดงตามหาความฝันเลย ก็อาจน่าเสียดาย เพราะความจริงคือไม่ว่าจะเลือกยาเม็ดสีอะไรก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น

            ยาเม็ดสีแดง คือการเดินตามฝัน แต่มันมาพร้อมกับความเสี่ยง การตัดสินใจเลือกยาเม็ดสีแดงไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนมีความรับผิดชอบเรื่องครอบครัว และอายุก็เริ่มมากขึ้น มักมีทั้งอันตรายและความเสี่ยง หากมุมมองเราไม่เปลี่ยน ชีวิตเราก็คงไม่เปลี่ยน ลองหาแรงบันดาลเพื่อสร้างมุมมองใหม่ที่ต่างออกไป

             
            ภายในหนังสือเล่มนี้ การนำเสนอมุมมอง จากสิ่งต่างๆรอบกาย เช่น เศษสตางค์ สายดิน อาหารหมู เป็นต้น ซึ่งเรื่องราวจะถูกแบ่งออกเป็นเรื่องสั้นเป็นเรื่องๆไป เหมาะสำหรับนักอ่านที่บางครั้งไม่ต้องการอ่านนานๆถึงจะรู้เรื่อง ก็อาจจะค่อยๆอ่านไปทีละเรื่องๆจนครบ 34 เรื่อง ซึ่งเรื่องสั้นทุกเรื่องนั้นให้ใจความได้ภายในเรื่องไม่ต้องอ่านติดต่อการเหมือนนิยายในแต่ละเรื่องให้มุมมองและแนวคิดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือคุณจะได้ประโยชน์และอาจเปลี่ยนวิถีชีวิตคุณได้
                 สำหรับฐาได้มีโอกาสอ่านเรื่อง สายดิน มาก่อนที่จะนำมารวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ ก็รู้สึกประทับใจและได้แง่คิดต่างๆมากมายฐาเป็น คนใจร้อน หงุดหงิดง่าย ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นบ่อยครั้ง การที่เราไม่รู้จักปล่อยวางหรือใจเย็น ยิ่งทำให้เรื่องบานปลายไม่สามารถแก้ไขได้สักที แต่เมื่อได้อ่านก็ทำให้คิดได้ว่า ตัวเราตอนนี้เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ต่อสายดิน เมื่อเกิดประกายไฟก็เผาไหม้ทุกอย่าง
              ตั้งแต่นั้นฐาก็พยายามปล่อยวางและใจเย็นลง ถึงแม้จะยังไม่ดีนักแต่ก็ถือว่าลดอารมณ์ใจร้อนของตัวเองไปได้มาก และยิ่งมาอ่านเรื่องต่างๆ เช่น ทุกข์ทบต้น ยาใจ ยิ่งทำให้รู้ว่าชีวิตไม่ควรใช้ไปกับ ความโกรธ เกลียดเลย เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เราไม่มีความสุข
 

เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะกินยาเม็ดไหน จะเลือกเป็นคนเดิมหรือเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วคุณจะพบทางมากมายในการเปลี่ยนแปลงตัวคุณ

“ไม่ว่าจะกินยาเม็ดสีแดงด้วยเหตุผลใดก็กัดฟันลองสู้สักตั้ง ถึงจะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่โทษตัวเองจนตายว่าไม่ได้ลองเดินตามฝัน”