Vang vieng

Day 1
เราขอเริ่มการเดินทางจากอุดรมาถึงหนองคายประมาณ 8.20 พอมาซื้อตั๋วไปวังเวียง เต็มทุกรอบ คุณพระ!!! คนแห่ไปวังเวียงเยอะขนาดดด เราเลยเปลี่ยนแผน นั่งไปลงเวียงจันทร์ก่อนแล้วค่อยหารถต่อไปวังเวียง

IMG_7789

IMG_7791

ถ้าใครมาก็มาซื้อตั๋วตรงนี้ นั่งยาวไปวังเวียงได้เลย (ถ้ารถไม่เต็มนะ) รถไปเวียงจันทร์มา 9.30 จ้า รออีกพัก พอรถมาก็ขึ้นไปนั่ง ตอนแรกก็นึกว่านั่งตรงไหนก็ได้ แต่เอาเข้าจริงเขาระบุที่นั่งมาให้แล้วจ้า โดนไล่ที่ไปอี๊กกก

IMG_7799

ค่าตั๋ว 55 บาท ก็โอเคนะ รถก็ตามสภาพ เสียงนี่กลัวจะไม่พ้นบขส.ซ้ำ แต่แอร์นี่เย็นฉ่ำเหมือนตู้แช่อาหารทะเลเลยยย

IMG_7802

แล้วเจอกันนะ เวียงจันทร์ ^^

โอ๊ะโอ มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยละ นี่ต้องลงมาต่อแถวยาวเหยียดดดด
มาถึงก็รับบัตรขาเข้า-ขาออกมาเขียนรายละเอียดให้ตรงตามพาสปอร์ต

IMG_7803

เสร็จแล้วก็เข้าไปสำนักงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจและประทับตรา

IMG_7806

เจ้าหน้าที่จะคืนบัตรขาออกมาให้ เก็บบัตรขาออกนี้ให้ดี พยายามอย่าให้หาย ><
เสร็จด่านไทยเดี๋ยวก็ไปเจอด่านลาวอีก

พอถึงด่านลาวก็ต้องไปซื้อตั๋วผ่านด่าน 45 บาท จะได้บัตรมาใบใช้เหมือนตอนขึ้นรถไฟฟ้า จากนั้นก็เข้ามาแลกเงิน เราแลกมา คนละ 2,000 บาท พอเป็นเงินลาว กลายเป็น 502,000 บาท โอ้โหห ได้จับเงินเกือบครึ่งล้านเลยนะเนี่ยย

IMG_7814

ตู้ตรงนี้เป็นที่ซื้อบัตรผ่านนะ จุดแลกเงินต้องเดินเข้าไปข้างใน แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ><

จากด่านตรวจก็นั่งรถคันเดิมมาลงที่บขส.เวียงจันทร์ จากนั้นขึ้นรถบัสที่สภาพไม่ไหวแล้ววว แต่แอร์เย็นเหมือนเดิมมาลงบขส.อีกที่เพื่อต่อรถไปวังเวียง จริงๆมีรถยาวๆๆไปถึงวังเวียนเลยนะ รถตู้อ่ะ แต่ราคา 340-360 บาท ซึ่งเราโชคดีมีพี่ท่านนึงจะไปวังเวียงเหมือนกัน เขาเลยพาไปหารถนั่งต่อ

IMG_8206

รถบัสที่เราขึ้นที่บขส.วังเวียงคือรถบัสที่ขึ้นไปทางสายเหนือ ถ้าไปถึงก็พยายามหารถที่ไปสายเหนือคันนี้นะ 20 บาทเองงง รถบัสคันนี้จะพาเรามาจอดที่บขส. เราจำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าเป็นบขส.ที่แรกที่รถคันนี้จอดจากนั้นเราต้องลงเพื่อไปต่อรถตู้เพื่อไปวังเวียง ค่ารถตู้ 200 บาท รวมแล้วจากเวียงจันทร์ไปถึงวังเวียง เราใช้เงิน 220 บาท

เอาล่ะ ได้ขึ้นรถตู้ไปวังเวียงละ นั่งยาวๆ 3 ชั่วโมงจ้า

IMG_7818

อัดได้อีก รถตู้ที่นี่ยังไม่ถูกจัดระเบียบนะ ยัดได้ยัด เสริมได้เสริม #ลุงประยุทธ์ช่วยไม่ได้
รถตู้มาปล่อยลงไว้ตรงทางเข้าตัวเมืองวังเวียงไม่ยอมไปส่งถึงโรงแรม เราเลยต้องโดนตุ๊กๆหลอกอีก 40 บาท จริงๆวังเวียงอ่ะเล็กมาก เดินทั่วได้ แต่เรากระเป๋าไม่เล็ก เลยยอมโดนหลอก TT
เอาล่ะ มาถึงโรงแรมละ โรงแรมที่เราพักชื่อ โรงแรมถาวรสุข ที่พักนี่ 4 ดาวนะจ๊ะ จองผ่านอโกด้า 2 คืน เฉลี่ยแล้ว คนละ 1000 พี่ที่มารู้จักกันที่นี่อ่ะที่พักถูก ไว้เจอลิงค์ที่แกรีวิวจะเอามาบอก แต่เอาเหอะ1พัน สถานที่ วิวก็คุ้มราคานะแก มีฟรีอาหารเช้าด้วย

IMG_7825

IMG_7828

IMG_7827

IMG_7821

IMG_7826

แต่ที่นี่คือไวฟายกากมากกก ต้องไปอาศัยเล่นที่ร้านอาหารที่อื่น จะพักที่นี่ ต้องไม่ติดโซเชี่ยล อ่อ ที่ลาวไม่มีปลั๊กแบบ3รู (ปลั๊กสามตา) ต้องพกอันเล็กๆมาเอง เราพลาดมาแล้ว หอบคอมมาแล้วแบตหมด

เช็คอิน เก็บของเสร็จก็ไปหาอะไรกิน ตอนนี้ที่นี่ยังไม่เลิกสงกรานต์ โบกมือบอกว่าไม่เล่นก็ไม่ฟัง โว๊ะ!!! เออ เปียกก็เปียกวะ เพราะตั้งใจว่าจะลงเล่นน้ำหลังโรงแรมอยู่แล้ว

IMG_7832

IMG_7833

อาหารที่ลาวมื้อแรก เริ่ดมากค่ะ เหมือนอยู่บ้านเลยแกกก 555 แต่ที่นี่เขาตำเส้นเละมากกก ใส่กะปิด้วย >< แต่เราก็กินหมดค่ะ อ่อ ปลาตัวละ 5 หมื่นนะ มื้อนี้เกือบแสน

จากนั้นเราก็เดินเล่นภายในตัวเมืองวังเวียง พร้อมกับสอบถามโปรโมชั่น One day trip ด้วย สรุปมาได้ของน้ำทิพย์ทัวร์ ราคา 660 บาท

IMG_7835

IMG_7838
อ่อ ที่นี่มีบอลลูนให้ขึ้นด้วยนะ 80ดอลลาร์ จ้าาา ได้แต่บอกตัวเอง ไว้รอเก็บเงินไปขึ้นที่พุกามแทน ><

กินอิ่มก็ไปเล่นน้ำ เย่ๆ เขามีดนตรีในน้ำด้วย เพราะฉลองสงกรานต์กันไง สนุกดีนะ น้ำที่นี่ (แม่น้ำซอง) โคตรเย็นเลยย ที่น้ำใสเพราะใต้น้ำเป็นหินน้ำตกอ่ะ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ขุ่น น้ำก็ระดับไม่สูงมาก เด็กและคนว่ายน้ำไม่เป็นน่าเล่นมาก ><

IMG_8073

IMG_8069
พอเล่นน้ำเสร็จ เอ้า หิวอีกละ แต่มื้อนี้เบาๆเนอะ เลยเลือกนั่งร้านอาหารที่เป็นร้านนั่งชิล ร้านนี่Wifiแรง นักท่องเที่ยวชอบมานั่งกันเยอะ เราเลยจัดมื้อเล็กๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มมีดีกรีสักแก้ว แต่แก้วที่นี้คือมหึมา ><

IMG_7868

IMG_7869

IMG_7867

กินแค่พอรู้รส แล้วก็กลับไปอาบน้ำนอน กินเยอะไม่ได้ พรุ่งนี้ One day trip ><

จบไปแล้ว 1วัน ฝันดีนะ วังเวียง

Scagel หน้าสวย ไร้รอยสิว

           ผู้หญิงกับการแต่งหน้าย่อมเป็นสิ่งคู่กันใช่ไหมคะ แต่การแต่งหน้าก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เอ้าาา ที่แต่งก็เพราะอยากสวย แต่ถ้าสิวขึ้นก็ไม่สวยน่ะสิ เฮ้ออออ คิดแล้วมันหน้าหนักใจเนอะ เกิดเป็นสตรีที่หน้าสดก็ดูไม่ค่อยได้เพราะสิว สิว สิว   ถ้าลองเยี่ยมชมบล็อคฐามาแล้วจะรู้ว่าฐาเคยรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับแล้วหน้าสวยไร้สิวไปแล้ว (https://thakhanittha.wordpress.com/2014/11/10/สวย-สู้-สิว/) แต่ฐาเชื่อว่าพอเจ้าสิวหาย เราก็จะต้องเจอกับปัญหาใหญ่ต่อมานั่นก็คือ

“รอยแดงและจุดด่างดำที่เกิดจากสิว ”

แต่อย่าตกใจไปค่ะ ฐาพาไร้สิวแล้ว ฐาก็จะพาไปหน้าสวยไร้รอยดำเช่นกัน!!!!!

IMG_1434.JPG

ของชิ้นนั้นก็คือ

Scagel

เจลลดรอยแผลเป็น แผลนูนแดง แผลขอบแข็ง สามารถใช้รักษารอยที่เกิดจากสิว แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลผ่าตัด แผลหลุมลึกจากอุบัติเหตุ แผลหลุมลึกจากอีสุกอีใส เนื้อเจลประกอบด้วยตัวยาที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ไม่ระคายเคืองหรือแสบ ทาได้ตั้งแต่แผลเริ่มแห้ง ไม่แนะนำหากกรณีแผลสด

**ใช้กับผิวหน้าได้ไม่ทิ้งรอยดำ**

IMG_2170.JPG

วิธีใช้  ทาบริเวณรอยแผลเป็นเบาๆจนกระทั่งเจลซึมซาบเข้าสู่ผิว วันละ 3- 4 ครั้ง หรือบ่อยๆตามต้องการ ไม่แนะนำใช้ในแผลสด เริ่มทาได้ขณะแผลแห้งเริ่มตกสะเก็ดคะ และใช้ต่อเนื่องจนกระทั้งแผลหายสนิท

IMG_1773.JPG

สำหรับฐาทา Scagel เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 1เดือน ก็พบว่ารอยแดงที่เกิดจากสิวจางลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนรอยดำก็จางลงเช่นกัน เนื้อเจลเย็นมาก กลิ่นหอม ทาแล้วเย็นสบาย ไม่แสบร้อนเหมือนครีมบางตัว เวลาใครถามฐาก็จะแนะนำตัวนี้เสมอ

Scagel สามารถซื้อได้ตามร้านขายเวชสำอางค์และร้านขายยาทั่วไป จริงๆร้าน Boots หรือ Watson ก็มีขายนะคะ แต่ราคาอาจแพงกว่าหน่อย สำหรับราคาที่ฐาซื้อ หลอดเล็ก ราคา 70 บาท ขาด 4 g. และหลอดใหญ่ ราคา 250 บาท ขนาด 17 g. (ซื้อกับร้านขายยาทั่วไป)

IMG_1345.JPG

ฐาใช้ Scagel มานานมากกกกก หมดหลอดเล็กไปหลายหลอด จนตอนนี้ตัดใจซื้อหลอดใหญ่มาใช้ซะเลย ทุกวันนี้นอกจากสิวจะไม่ขึ้นแล้ว รอยแดงและจุดด่างดำก็ค่อยหายไป จนบางครั้งตื่นสายกลัวไปเรียนไม่ทัน ก็สามารถโชว์หน้าสดของตัวเองไปเรียนได้เลย ไม่ต้องคอยกังวลอีกต่อไป ^^

IMG_1690.JPG

รู้อย่างนี้แล้ว หากเพื่อนๆคนไหนอยากหน้าไร้รอยดำก็สามารถนำไปใช้ได้นะคะ ฐาไม่ได้ค่าโฆษณาเลยด้วย แต่มันดีจริงเลยอยากบอกต่อเฉยๆจ้าาา คราวหน้าฐาจะเอาสิ่งดีๆอะไรมาแนะนำ อย่าลืมมาติดตามในบล็อคของฐาได้เรื่อยๆนะค้าาาา

แตกประเด็น IT – ตาดูมือกด (เล่นมือถือในโรงหนัง) ผิดหรือไม่??

                เข้าไปในโรงภาพยนตร์แต่ละที ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คอินสักหน่อย ว่าตอนนี้กำลังดูหนังเรื่องอะไรอยู่ ก็แหมมม หนังมันยังไม่ฉายนี่เนอะ จะให้นั่งจ้องใจจดจ่อรอดูน้องแม๊กมาสอนเรื่องรู้จักพอก็ใช่ที เรามันคนยุคITทุกวินาทีต้องคอยอัปเดตเรื่องต่างๆ ><

ถ้าเล่นมือถือก่อนหนังฉาย (จริงๆมันไม่ควรตั้งแต่เล่นในโรงหนังละ) ก็คงไม่ผิดมากมายมหากาพย์ขนาดนั้นหรอก
เพราะอย่างน้อยคนที่อยู่ในโรงเขาก็ยังไม่ได้ตั้งใจดู แต่ประเด็นที่ฐาหยิบยกมาวันนี้มันดันเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเล่นมือถือในโรงหนัง
จ่ะ!!
แค่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก ทำอะไรผิดกฎทางสังคมนิดหน่อยก็โดน!!!!!
เรามาดูประเด็นที่น่าสนใจนี้กันเลยยยย

IMG_1861.JPG นั่นไงงง หนังมันน่าเบื่อ ดาราหนุ่มเลยหยิบมือถือขึ้นมาอัปทวิตสักหน่อย ถ้าใครติดตามจะรู้ว่าดาราคนนี้เล่นทวิตบ่อย จริงๆฐาก็ชอบอ่านทวิตของเขานะ ชอบผลงานเขาด้วย แต่จะไม่มีการอวยและเข้าข้างจนออกนอกหน้าเด็ดขาดดด ประเด็นคือ สังคมออนไลน์ถึงขั้นแตกแยกเป็น 2 ส่วนจ้าาา ส่วนหนึ่งด่าเอาเป็นเอาตายไร้มารยาท ไร้จิตสำนึก นิสัยไม่ดี สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย รบกวนคนรอบข้าง

IMG_1870.JPG

IMG_1871.JPG

ใช่ว่าจะมีแต่ด่านะจ๊ะ เข้าข้าง สนับสนุน เห็นด้วยก็มีนะเออออออ ฉันก็เป็นแก ก็แหมแปปเดียวแสงมันคงไม่แยงตาจนแกดูหนังไม่รู้เรื่องหรอกมั้ง เพราะเค้าเป็นดารางัยเลยโดนด่า โลกสวยอยากดูหนังก็ไปปิดไฟดูที่บ้านเส้!!!

IMG_1860.JPG

IMG_1863.JPG

เป็นอย่างไรคะ ร้อนฉ่าเลยใช่ป่ะล่าาา ฐาว่าประเด็นนี้เราลองคิดแยกประเด็นนะ ระหว่างความควรไม่ควรในการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์ กับ ดาราซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของใครหลายๆคนเล่นโทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์

                ประเด็นแรก เรื่องความควรไม่ควร เราตอบได้อย่างมั่นใจว่า “ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง” เพราะ การรับชมภาพยนตร์ที่จะทำให้ได้รับอรรถรสที่เต็มเปี่ยมคือการให้ความสนใจกับเรื่องราวที่อยู่บนจอผ้าใบตรงหน้า บางครั้งคุณอาจจะเบื่อซะเหลือเกิน แต่คุณต้องนึกว่าคนอีกหลายคนที่นั่งร่วมกับคุณเขาเบื่อด้วยไหม (ถ้าเบื่อนักก็ลุกออกไปยืดเส้นยืดสายรอข้างนอกก็ได้เนอะ) หากคุณนำมือถือขึ้นมาเล่น แสงไฟจากหน้าจออาจรบกวนสมาธิของเขาได้ โดยส่วนตัวฐาไม่เคยเล่นมือถือเวลาดูหนังเลย หากหนังน่าเบื่อก็แอบพักสายตาไป >< แต่เคยเจอนะพวกที่เล่นมือถือเวลาดูหนัง ยอมรับค่ะ ว่ามันรบกวนสมาธิจริงๆ!!! แต่ถ้าถามว่าจะเอามาต่อว่าหรือตักเตือนให้อับอายไหม ก็คงไม่ เพราะสมัยนี้เหมือนสังคมไทยเคยชินกันไปแล้ว แต่มันดันเกิดเรื่องนำมาสู่ประเด็นที่สอง ถ้าคนที่เล่นมือถือในโรงหนังเป็นบุคคลชื่อเสียง สังคมก็จะเหมือนมีเหยื่อที่ระบุตัวตนชัดเจนให้รุม ใช้คำว่ารุมไม่ผิดหรอกค่ะ บางคนที่ไม่ได้เดือดร้อนเพราะการกระทำของดาราคนนี้เลย เพียงแต่ฉันเคยเจอคนทำแบบนี้ ฉันก็ด่า ต่อว่าประดุจว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์และได้รับผลกระทบมากมาย บางคนก็เอาสนุก ร่วมด้วยช่วยกันแกล้มฉันกระทืบซ้ำประมาณนี้ กล่าวโดยสรุปคือ การใช้โทรศัพท์มือถือในโรงภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก แต่โดยส่วนตัวฐาถ้าถามว่าเป็นเรื่องผิดเลยไหม ฐายังไม่อยากตัดสินว่าผิด บางทีการใช้ครั้งนั้นอาจจะเป็นเรื่องจำเป็นก็ได้ ใช้คำว่า ไม่เหมาะสม หรือ ไม่สมควรจะดีกว่า ส่วนในกรณีของดาราคนนี้ฐาว่าไม่เหมาะสมมากๆ เพราะพฤติกรรมการใช้ก็ไม่ได้แสดงออกเลยว่าจำเป็น แต่ก็ไม่ว่าละกันเพราะเขาโดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ^^ แล้วเพื่อนๆล่ะคะ คิดว่ายังไง ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้น้าาาา